วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นักเดินทาง ตะเกียง และแสงจันทร์

นักเดินทาง ตะเกียง และแสงจันทร์ 

ฉันอาจเป็นเพียงตะเกียงดวงห
นึ่ง ที่มีแสงเพียงน้อยนิด
อาจจะไม่จำเป็นเลยในบางช่วง
บางขณะที่พระจันทร์ทอแสงนวล
กระจ่าง
เธออาจจะทิ้งฉันไว้ข้างทางก้อเป็นได้
หากเธอคิดว่าฉันไม่มีประโยช
น์แม้แต่น้อย
ฉันจึงเปรียบตะเกียง เป็นดั่ง ตัวฉัน...
ส่วนเธอน่ะ เป็น นักเดินทางคนนึง...
ส่วนเค้าคนนั้น เป็น พระจันทร์....
นักเดินทางคนหนึ่งกับตะเกีย
งดวงเก่า
ตะเกียงที่ให้แสงสว่างในค่ำ
คืนที่มืดมิด
ตะเกียงที่ให้ความอบอุ่นได้ เมื่อนักเดินทางผู้นั้นต้อง
การ
ในค่ำคืนที่สายลมหนาวได้ผ่า
นพัดมาอีกครา
การเดินทางของนักเดินทางผู้
นั้นก้อมี ตะเกียงเป็นเพื่อนคู่ชีพ
แสงเพียงน้อยนิดที่พอจะส่อง
ทางได้เป็นระยะๆ
ทำให้นักเดินทางผู้นั้นเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่เค้ามีอยู่
เมื่อเค้ามีเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมทางก็ได้กล่าวว่า
"จะใช้ตะเกียงดวงเก่านี้ไปทำไม ในเมื่อแสงจากพระจันทร์ออกจ
ะสว่างถึงเพียงนี้"
นักเดินทางผู้นั้นคิดได้ จึงทิ้งตะเกียงผู้น่าสงสารไ
ว้ข้างทาง
หลงเชื่อคำกล่าวของเพื่อนร่
วมทาง
ซึ่งเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านม
าแล้วก้อผ่านไป
ค่ำคืนนั้น เป็นคำคืนที่ยาวนานสำหรับฉั
น...
...ตะเกียงผู้ถูกทอดทิ้งไว้
ข้างทาง
ก้อเค้าไม่สนใจแม้แต่น้อย
กลับกัน เธอนักเดินทางที่กำลังหลงระ
เริง กับแสงจากพระจันทร์
ที่ส่องแสงนวลกระจ่าง มันสวยงาม มันชวนฝัน
นักเดินทางผู้นั้นจึงเดินทา
งไปเรื่อยๆ เพียงลำพัง
แค่สัมภาระ ไร้ตะเกียงดวงเก่า!
เมื่อความมืดมิดแห่งค่ำคืนไ
ด้ผ่านพ้นไป
แสงจันทร์ที่เคยกระจ่างยามค่ำคืนก้อเลือนหาย
ดวงตะวันได้โผล่ขึ้นมารับอรุณบอกกับทุกคนที่อยู่ใต้ผืน
ฟ้าว่านี่คือ เช้าวันใหม่ ..............
สายลมหนาว ผ่านพัดมาเยือนอีกครา
ผ่านพัด เป็นลมหนาวที่เย็นยะเยือก
ตะเกียงดวงเก่าที่ถูกทอดทิ้ง

บัดนี้ นักเดินทางอีกคนได้ผ่านมาพบ
จึงเก็บไว้เป็นสมบัติตน
ตะเกียงจึงกลับกลายเป็น ของมีค่าอีกครั้ง
มันได้ทำหน้าที่เช่นเดิม คือ ให้แสงสว่าง และความอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน
เมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้ว ลำแสงสุดท้ายของวันเป็นสีส้ม เป็นแสงสว่างสุดท้ายของวันนี้
ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้ามา สายลมหนาวก้อเริ่มพัดแรงขึ้
นๆ
ดวงจันทร์ที่เคยทอแสงกระจ่างกลับถูกหมอกเมฆบดบังจนสิ้น
!
ราวกับจะกลั่นแกล้งนักเดินทางคนเก่าที่เคยเป็นเจ้าของต
ะเกียง
เค้าผู้นั้นไม่มีแม้แต่แสงไ
ฟที่จะใช้ส่องทาง และเช่นกัน
เค้าไม่มีแม้กระทั่งความอบอ
ุ่น
นักเดินทางหนาวสั่นจะเดินต่
อก็กลัวหลงทาง
เค้าจึงย้อนกลับไปเอาตะเกียงดวงเก่าที่ได้ทิ้งไว้เมื่อคืนก่อน

... ลมหนาวได้ผ่านพัดมา ราวกับจะทรมานนักเดินทางผู้
นั้น
จนกระทั่งมาถึงจุดที่เขา ได้ทิ้งตะเกียงไว้
บัดนี้ตะเกียงดวงเก่าได้ สาปสูญไปแล้ว
เค้านึกเสียดายจับใจ แม้จะเรียกร้องเพียงใดก้อมิ
ได้กลับคืน
จึงทำได้แต่เพียงนอนหนาว รอให้เมฆหมอกที่บดบังดวงจัน
ทร์นั้นได้ผ่านเลยไป
เวลาได้ผ่าน...
เมฆหมอกได้เลือนหายไปแล้ว
แสงจันทร์ได้กลับมาสดใสอีกค
รา
ทำให้นักเดินทาง ผู้เหน็บหนาวอุ่นใจขึ้น
แต่ดวงจันทร์ก้ออยู่ไกลเกิน
ไป.......
ไกลเกินที่จะทำให้นักเดินทางผู้เหน็บหนาวได้รับความอบอุ่น
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า
"เรามักจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราครอบครองนั้นดีเพียงไรมีค
ุณค่ากับเราเพียงใด
เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้สู
ญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว"
เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้ผู้ที่ใฝ่สูงทั้งหลายจงหันกลั
บมามองคนใกล้ตัว
การชะเง้อมันเมื่อยกว่าการก้ม จริงไหม?