วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

หยุดให้เป็นก็เย็นได้


โดย รินใจ

รถไม่ติดเบรก
ใคร ๆ ก็รู้ว่าอันตราย
ถ้าชีวิตไม่ติดเบรกล่ะ...

หยุดให้เป็นก็เย็นได้

รถแรงดี ออกตัวเร็ว แล่นฉิว ใคร ๆ ก็ชอบ แต่ถ้าเกิดรถคันนั้นไม่มีเบรก คุณยังจะอยากได้อยู่หรือ

รถไม่ติดเบรก ใคร ๆ ก็รู้ว่าอันตราย ชีวิตที่ไม่ติดเบรกล่ะมีใครเห็นโทษของมันบ้าง



มีบางคนเปรียบชีวิตของคนสมัยนี้ว่าเหมือนรถยนต์บนทางด่วน ที่ต้องเร่งเครื่องเต็มที่ ที่จริงเราเป็นยิ่งกว่านั้น เพราะเราถูกระตุ้นให้ต้องวิ่ง ๆ ๆ ตลอดเวลา ไม่ใช่เพื่อแข่งให้ทันคนอื่นเท่านั้น หากยังต้องแซงคนอื่นให้ได้มากที่สุด ไหนจะต้องแข่งต้องแซงเรื่องคะแนน อาชีพการงาน ตำแหน่งหน้าที่ ชื่อเสียงหน้าตาและทรัพย์สมบัติ

อะไรต่ออะไรพากันเร่งให้เราวิ่งเร็ว ๆ เปิดโทรทัศน์ ไม่ว่าละครหรือโฆษณา ก็บอกว่าเราต้องมี ต้องเป็น ไม่ด้อยกว่าคนอื่น ดูแผงหนังสือก็เต็มไปด้วยประเภท how to ว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นหนึ่ง

ถามว่าชีวิตบนลู่วิ่งแบบนี้มีเบรกช่วยชะลอหรือไม่

อาจจะมี แต่ใครต่อใครก็พากันปลดทิ้ง หาไม่ก็ปล่อยปละละเลยจนขึ้นสนิม ชีวิตที่บึ่งห้อไม่หยุดย่อมมีผลตามมาคือ เหนื่อยล้า เครียดจัด และโทรมเร็ว จนเป็นอันตราย ชีวิตแบบนี้จะชะลอความเร็วได้ ก็หลังจากแล่นชนใครต่อใครดะไปหมดแล้ว เกิดความร้าวฉานกับผู้คนทั่วไป ความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย เพียงเพราะไม่รู้จักติดเบรกให้แก่ชีวิต

ชะลอชีวิตให้ช้าลงหรือหยุดเสียบ้าง ด้วยการรู้จักพักผ่อน และละวางการจากแข่งขัน บางครั้งเราก็ต้องรู้จักพาชีวิตออกจากทางด่วน มาแล่นบนทางธรรมดาหรือทางเกวียนบ้างเช่น ออกจากโลกธุรกิจมาสู่โลกแห่งครอบครัว จากห้องทำงานมาสู่สวนหย่อมหรือแปลงผักหน้าบ้าน แต่พักกายก็อย่าลืมพักใจด้วย การนอนจะมีประโยชน์อะไรหากความคิดแล่นไม่หยุด ฟังเพลงย่อมไร้รสชาติ หากใจคอยกังวลกับสารพัดเรื่อง



จะว่าไปแล้ว ตัวการที่ทำให้ชีวิตวิ่งไม่หยุด และหยุดยาก ก็คือความคิดของเรานี่แหละ ถ้าชีวิตเปรียบเหมือนรถยนต์ ความคิดหรือจิตใจก็คือตัวเครื่อง

คนทุกวันนี้คิดเก่งกันมาก เราถูกฝึกให้คิดรวดเร็วฉับไวและคิด ๆ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน แต่แล้วกลับไม่ค่อยมีการฝึกให้รู้จักหยุดคิดกันเสียบ้างเลย เราปล่อยปละละเลยเรื่องนี้จนหยุดความคิดกันไม่เป็น จึงไม่น่าแปลกใจที่คนสมัยนี้เป็นโรคประสาท โรคเครียด โรคนอนไม่หลับกันมาก ที่เป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายกันก็เพราะห้ามความคิดไม่อยู่มิใช่หรือ

เรียนผูกย่อมไม่สมบูรณ์ หากมิได้เรียนแก้ด้วย เดี๋ยวนี้เราถนัดในการผูกเงื่อนปมแก่ชีวิต ด้วยการคิดอยากได้โน่นได้นี่ไม่รู้จบ กังวลร้อยแปด แต่กลับไม่รู้จักแก้ปม ด้วยการปล่อยวางมันลงเสียบ้าง ผลก็คือ ความคิดของเรากลับมาทำร้ายตัวเราเอง เอาแต่เผาลนจิตใจให้ร้อนรุ่ม จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมยังต้องคอยดิ้นรนกระเสือกกระสนเพื่อสนองความอยากอันไม่รู้จบ



ความคิดนั้น แรก ๆ เราเป็นนายมัน แต่พอคิดไปนาน ๆ มันกลับเป็นนายเรา เราอยากพักอยากเลิกคิด มันก็ยังอยากคิดต่อไปเรื่อย ๆ คิดเรื่องนี้จบ ก็โดดไปคิดเรื่องนั้นต่อ บางทีเรื่องเดียวก็คิดซ้ำคิดซากเป็นวัน ไม่ยอมเลิกเสียที

ติดเบรกให้กับความคิดบ้างก็จะดี ที่จริงเบรกนั้นมีอยู่แล้วแต่ถูกมองข้ามไป เบรกที่ว่าก็คือสติ เราคิดไม่หยุดจนจมไปกับความคิดก็เพราะลืมตัวหรือขาดสติ มีสติเมื่อไร ใจก็รู้ทันความคิดและสามารถคุมความคิดให้ชะลอและหยุดฟุ้งซ่านได้

เครื่องร้อนเพราะทำงานไม่หยุดฉันใด ชีวิตรุ่มร้อนเพราะหยุดไม่เป็นฉันนั้น เป็นเพราะไม่ตระหนักถึงความข้อนี้ คนเป็นอันมากจึงไม่ต่างจากคนที่พยายามวิ่งหนีเงายามบ่าย ไม่ว่าวิ่งไปไกลแค่ไหน เร็วเพียงใด เงาก็ยังไล่ตามอยู่นั่นเอง แต่ถ้าเฉลียวใจสักนิด ก็จะรู้ว่าเพียงแต่หยุดวิ่งแล้วมาอยู่ใต้ร่มไม้ เงาก็หายไป โดยไม่ต้องเหนื่อย



ถ้าอยากหนีทุกข์ ก็ต้องรู้จักหยุดเสียบ้าง ชีวิตจะสงบเย็นเป็นกอง

ความจำกับความสุข


โดย รินใจ


มนุษย์มีพลังความจำอันน่ามหัศจรรย์
แต่จะมีประโยชน์อะไร
ถ้าจำแล้วกลับหาความสุขไม่ได้



ความจำกับความสุข

สมองของมนุษย์นับเป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่งในธรรมชาติ ความอัศจรรย์นั้นอยู่ตรงที่ความสามารถอันเหลือเชื่อของสมอง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำยังอธิบายได้ไม่ตลอด ยังไม่ต้องพูดถึงการเลียนแบบ

ความน่าทึ่งอย่างหนึ่งของสมองมนุษย์ ได้แก่ความจำ มนุษย์เรามีความสามารถในการจำชนิดที่เราเองอาจนึกไม่ถึง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีการทำลองสับไพ่และเปิดทีละใบติดต่อกันถึง ๓๕ สำรับ ปรากฏว่า มีชาวอังกฤษคนหนึ่ง สามารถจัดลำดับของไพ่ได้อย่างถูกต้องติดต่อกันถึง ๑,๕๖๒ ใบ ขณะที่บางคนสามารถจำคำศัพท์ต่างประเทศ ๒,๐๐๐ คำได้ภายใน ๑ วัน

ที่น่าทึ่งกว่านั้นเห็นจะได้แก่การจำทศนิยมของ ไพ (pi) คนที่ยังไม่ลืมคณิตศาสตร์ชั้นประถมคงจำได้ว่า ไพ หรือ หมายถึงความยาวของเส้นรอบวงหารด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง = ๒๒/๗ หรือ ๓.๑๒๘…ทศนิยมที่อยู่หลังเลข ๓ นั้นเป็นทศนิยมไม่รู้จบที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ทศนิยมดังกล่าวไม่มีแบบแผน หรือการเรียงลำดับที่ซ้ำกันเลย (ไม่เหมือน ๑๐/๓ ซึ่งเท่ากับ ๓.๓๓๓๓…) ด้วยเหตุนี้ ในบางวงการจึงมักนิยมวัดความจำของคนด้วยการจำเลขทศนิยมของไพ

เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว มีชาวอังกฤษคนหนึ่ง สามารถจำทศนิยมของไพได้อย่างถูกต้อง ถึง ๒๐,๐๑๓ ตำแหน่ง แต่นั่นก็ยังห่างไกลจากความจำของชาวอินเดียอีกคนหนึ่ง ซึ่งจำลำดับทศนิยมของไพได้ถึง ๓๑,๘๑๑ตำแหน่ง โดยไม่ผิดเพี้ยนเลย

กล่าวกันว่า ในแอฟริกามีคนที่สามารถจดจำชื่อบรรพบุรุษในเผ่าของตน สามารถท่องให้ฟังได้หลายชั่วโมงติดต่อกัน ส่วนในพม่า มีพระหลายรูปที่สามารถสืบต่อประเพณีจำพระไตรปิฎกได้ทั้ง ๔๕ เล่ม



ตัวอย่างที่ยกมานี้บ่งชี้ว่า สมองของมนุษย์ มีความสามารถในการจดจำ ได้อย่างมากมายจนนึกไม่ถึง การที่เราจำหมายเลขโทรศัพท์บ้านเพื่อนไม่ได้นั้น มิได้หมายคำวามว่าสมองของเราขี้เลื่อย แต่เป็นเพราะ เรายังใช้ประโยชน์จากสมองของเรา ไม่เต็มที่ต่างหาก

กล่าวกันว่า ทุกวันนี้คนทั่วไปใช้สมองเพียง ๑ ใน ๑๐๐ หรือ ๑ ใน ๑,๐๐๐ ของศักยภาพที่มีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นวิธีฝีกสมองกันอย่างมากมาย รวมทั้งสอนวิธีการจำให้ได้เยอะ ๆ จนถึงกับแข่งขันการจำเพื่อโปรโมตวิธีการดังกล่าว

การเพิ่มพูนสมรรถนะของสมองนั้นเป็นของดีแน่ แต่การจะใช้ประโยชน์จากสมองให้เต็มที่นั้น น่าสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหน แม้ว่าสมองของเราสามารถจะจำหมายเลขโทรศัพท์ได้หลายพันหมายเลข แต่ในชีวิตประจำวันของเรา เพียงจำหมายเลขโทรศัพท์ได้ ๑๐๐ หมายเลขก็นับว่าเกินพอแล้ว แม้การรู้ศัพท์ต่างประเทศนับพัน ๆ ศัพท์จะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องท่องให้ได้ภายใน ๑ วัน ชีวิตมิได้เร่งรีบถึงเพียงนั้น

ใคร ๆ ก็อยากจะจำอะไรให้ได้มาก ๆ จนบางทีลืมไปว่า การลืมก็มีประโยชน์เหมือนกัน ไม่ค่อยมีคนชอบการลืมเท่าไหร่ คนที่จดจำความไม่ดีของคนอื่นเอาไว้เยอะ ๆ มักหาความสุขไม่ค่อยได้ เผลอ ๆ จะกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไป เรื่องที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจนั้น ลืมเสียบ้างก็ดี ถ้าจะจำก็จำบทเรียนหรือบทสรุปสำหรับอนาคตดีกว่า

ลองคิดเล่น ๆ ว่า หากเราสามารถจดจำความฝันได้แม่นยำ ชีวิตจะวุ่นวายเพียงใด เพราะแยกไม่ออกว่า อันไหนเรื่องจริงอันไหนเป็นความฝัน สมมุติเกิดฝันว่า เพื่อนสาวมาจุมพิตเรา พอเจอเธอในที่ทำงานวันรุ่งขึ้น ก็อาจยื่นหน้าทำตาหวานใส่เธอ เพราะเข้าใจว่าเป็นความจริง อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้นก็คงนึกออก โชคดีที่ธรรมชาติไม่ยอมให้เราจดจำความฝันได้มากนัก

จริง ๆ แล้ว ลืมอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับลืมตัว ลืมตัวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงลืมกำพืดรากเหง้าของตนเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงลืมตัวเพราะบันดาลโทสะหรือตัณหาพาไป จนทำให้ชีวิตถลำไปในทางเลวร้าย ครอบครัวแตกสลาย ธุรกิจล้มละลายไปมากต่อมาก ก็เพราะหน้ามืดจนลืมตัวไปมิใช่หรือ

ถึงจะจดจำอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ถ้าลืมตัวเสียอย่างเดียว ชีวิตก็อับปางได้ ที่แย่ก็คือข้อมูลตัวเลขทั้งหลายนั้น ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเราจะไม่ลืมตัว เพราะฉะนั้น ถึงจะจำเก่งแต่ก็อย่าประมาท



พูดง่าย ๆ ความจำกับความสุขนั้นเป็นละเรื่องกัน


FROM สมาคมคนน่ารัก www.khonnaruk.com